Daily Archives: กุมภาพันธ์ 21st, 2012

มัฟฟินสตอเบอร์รี่

ก่อนอื่นต้องขออธิบายก่อนนะคะว่ามัฟฟินเนื้อขนมที่ทำออกมาจะไม่นุ่มเหมือนกับเค้กนะคะ จะแข็งๆคลายกับขนมปังซะมากกว่าค่ะ หากผู้ที่ไม่เข้าใจเวลาทำมัฟฟินออกมาแล้วคงจะสงสัยว่าทำไมมันแข็งจังไม่เห็นนุ่มเหมือนเค้กเลย มัฟฟินต้นฉบับจริงๆจะออกเนื้อแข็งๆแบบนั้นล่ะค่ะถูกแล้วฝรั่งเค้าเอาไว้ทานเป็นอาหารเช้าเหมือนๆกับขนมปังค่ะ แต่วันนี้ขอแปลงสูตรมัฟฟินนิดหน่อยเนื่องจากชอบกินแบบนุ่มๆค่ะเลยใช้แป้งเค้กแทนแป้งอเนกประสงค์

ส่วนผสมมีดังนี้ค่ะ
แป้งเอนกประสงค์ 315 กรัม(เปลี่ยนเป็นแป้งเค้กพัดโบกซะขนมจะออกมานุ่มขึ้นค่ะ)
น้ำตาลทราย 120 กรัม
ผงฟู 2 1/2 ช้อนชา
เบคกิ้งโซดา 1/4 ช้อนชา
เกลือ 1/2 ช้อนชา
อบเชยป่น 1 ช้อนชา (ไม่มีเลยไม่ได้ใส่ค่ะแต่ใส่เป็นกลิ่นวนิลาแทนในปริมาณเท่ากัน)
นม 250 มิลลิลิตร
เนยจืด 215 กรัม (มีเนยเค็มก็ใช้เนยเค็มค่ะ)
ไข่เบอร์ 1 จำนวน 2 ฟอง
สตรอเบอรี่แช่แข็ง125 กรัม(กะดูตามความเหมาะสมด้วยค่ะเพิ่มลดได้ตามชอบ ใส่ช่องแข็งเตรียมไว้ค่ะจะใช้ค่อยหยิบออกมา)
ขั้นตอนการทำ
1. วอร์มเตาที่อุณหภูมิ 200 องศาเซลเซียสไฟบนล่าง เตรียมถ้วยมัฟฟินหรือกระทงกระดาษและถาดอบให้เรียบร้อยวันนี้เราจะมาทดลองกระทงที่เคลือบไขไม่ต้องใช้พิมพ์รองกันค่ะเปรียบเทียบกับใช้พิมพ์รองว่าจะออกมาแตกต่างกันยังไง

2. ผสมของเหลวเข้าด้วยกันโดยเริ่มจากละลายเนยโดยใช้วิธีตุ๋นค่ะเอาน้ำใส่หม้อใบล่างตั้งไฟแล้ววางภาชนะที่มีเนยไว้ด้านบนโดยที่ภาชนะไม่แตะกับน้ำในหม้อด้านล่างคนจนเนยละลายหมดตั้งทิ้งไว้

3. ใส่ไข่ลงในภาชนะอีกใบตีให้เข้ากันแล้วตามด้วยนมคนให้ส่วนผสมเข้ากันจากนั้นนำเนยในข้อ 1 มาผสมรวมกันได้ส่วนผสมของเหลวแล้วพักไว้ค่ะ ใครใส่กลิ่นวนิลาแบบน้ำก็ผสมไปตอนนี้เลยค่ะ

4. มาผสมของแห้งกันต่อ ก่อนอื่นตักแป้งเค้กที่ร่อนแล้วออกมานิดนึงนะคะเอาไว้คลุกกับสตรอเบอรี่เนื้อผลไม้จะได้ไม่จมไปอยู่ที่ก้นหมดตอนอบค่ะ แบ่งแป้งออกมาแล้วนิดนึงจากนั้นก็ใส่แป้งที่เหลือ น้ำตาล เกลือ เบคกิ้งโซดา ผงฟู อบเชย ลงในภาชนะอีกใบคนให้เข้ากันแล้วทำหลุมตรงกลางไว้ค่ะ

5. ผสมส่วนของเหลวและของแห้งเข้าด้วยกันค่ะ ไม่ต้องคนนานจนมันเป็นเนื้อเนียนนะคะเหลือผงขาวๆก้อนๆไว้บ้างก็ได้ค่ะเนียนไปขนมไม่ฟูค่ะคลุกนิดเดียวพอแล้วตั้งพักไว้ซักครู่ค่ะ

6. ระหว่างพักแป้ง หันมาหั่นสตรอเบอรี่แช่แข็งเป็นชิ้นเล็กๆค่ะ(หั่นตอนที่มันยังแข็งอยู่นะคะอย่าตั้งทิ้งไว้จนมันกลายเป็นน้ำนะคะ )

7. นำสตรอเบอรี่แช่แข็งที่หั่นแล้วมาคลุกแป้งที่แบ่งไว้ให้ทั่วๆ เทสตรอเบอรี่ลงไปในอ่างผสมคนให้เข้ากันนิดเดียวให้สตรอเบอรี่ไม่กระจุกตัวรวมกันก็พอค่ะจากนั้นตักใส่กระทงที่เตรียมไว้ได้เลยค่ะ

8. นำเข้าอบที่อุณหภูมิ 200 องศาไฟบนล่างจะกว่าเค้กจะสุกค่ะ ใช้ไม้จิ้มฟันจิ้มดูพอสุกเหลืองสวยงามก็เอาออกมาพักบนตะแกรงให้เย็นค่ะ

เทคนิคสำหรับผู้มีเตาอบเล็กและต้องอบหลายรอบ
– ให้ตักแบ่งส่วนผสมในข้อ 5 ออกเป็นส่วนๆกะให้แต่ละส่วนพอใส่เข้าอบได้ 1 รอบค่ะ
– สตรอเบอรี่ก็เหมือนกันค่ะแบ่งออกให้เท่ากับจำนวนส่วนผสมแต่ละรอบที่เหลือเอาแช่ช่องแข็งไปค่ะ ที่ต้องทำแบบนี้เนื่องจากหากเราผสมส่วนผสมทั้งหมดไปทีเดียวเลยสตรอเบอรี่ที่รออบในรอบหลังจะละลายและจำทำให้ขนมมีส่วนผสมที่เป็นน้ำมากเกินไปและสีแดงของสตรอเบอรี่ก็จะออกมาทำให้ขนมอบออกมาแล้วสีแดงน่ากลัวมากค่ะยิ่งถ้าเปลี่ยนจากสตรอเบอรี่เป็นบลูเบอรี่แล้วละก็ออกมาดำน่ากลัวเชียวค่ะไม่น่ากินเลย วิธีแบ่งผสมทีละส่วนจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดค่ะขนมออกมาสีสวยแม้จะต้องรออบนานแค่ไหนก็ตามค่ะ
– เมื่ออบเรียบร้อยแล้วในชุดแรกก็ทำแบบเดียวกันในชุดถัดๆไปค่ะจำไว้ง่ายๆค่ะอย่าให้สตรอเบอรี่แช่แข็งละลายค่ะแต่หากใครใช้สตรอเบอรี่สดอยู่แล้วก็หมดห่วงเรื่องนี้ไปเลยค่ะผสมไปพร้อมกันหมดได้เลย

ด้านล่างนี้เป็นภาพเปรียบเทียบนะคะระหว่างการใช้พิมพ์อลูมิเนียมรองอบอีกทีกับไม่ใช้พิมพ์รองอบ จะเห็นว่าถ้าไม่ใช้พิมพ์รองอบก็ได้เหมือนกันค่ะถ้วยไม่ล้มนะคะแต่เนื้อขนมจะบานออกด้านข้างแทนค่ะ ส่วนกระทงที่รองด้วยพิมพ์อลูมิเนียมอีกทีขนมจะออกมาสูงและปูดกว่าเนื่องจากมีพิมพ์อลูมิเนียมรองเพื่อทำให้กระทงตั้งตรงอยู่ได้ค่ะ

ช็อคบอล

ส่วนผสม
เนื้อเค้กที่มีอยู่ เค้กใครเป็นไตก็ตัดส่วนที่เป็นไตทิ้งไปค่ะ
ช็อคโกแลตคอมพาวด์ปริมาณต้องกะให้พอดีกับเค้กที่เรามีค่ะไม่ต้องชั่งใช้กะเอา(วันนี้ใช้เกรดดีหน่อยหวานกำลังดี)
ใครมีพวกถั่วต่างๆหรือผลไม้อบแห้งจะใส่ลงไปด้วยก็ตามชอบเลยค่ะ
สุดท้ายน้ำตาลแต่งเค้กตามต้องการ
วิธีทำ
1.ใช้มือบี้เนื้อเค้กให้ป่นละเอียดในชามผสม

2. ตุ๋นช็อคโกแลตให้ละลายแล้วนำมาเทใส่เนื้อเค้กที่ป่นไว้ขยำให้เข้ากัน ให้ช็อคโกแลตเคลือบเค้กให้เป็นสีน้ำตาลเสมอกันให้มากที่สุดหากคิดว่าใส่ช็อคโกแลตน้อยไปคลุกยังไงก็ไม่ดำซักทียังมีสีเค้กเหลืองๆอยู่ก็ไปตุ๋นเพิ่มค่ะแต่อย่าใส่มากไปเดี๋ยวแฉะแล้วปั้นไม่ได้ใครมีถั่วก็ใส่ไปตอนนี้เลยค่ะคลุกเคล้าให้เข้ากัน

3. ปั้นช็อคโกแลตเป็นก้อนกลมๆขนาดพอดีตามต้องการ

4. ตุ๋นช็อคโกแลตเพิ่มอีกนิดหน่อยเพื่อเอาไว้ราดหน้าขนมแล้วตกแต่งเม็ดน้ำตาลตามต้องการวันนี้ใช้ไวท์ช็อคโกแลตด้วยค่ะสีตัดกันสวยดี

5. แค่นี้ได้ช็อคบอลอร่อยไว้ทานกันแล้วค่ะง่ายมากๆเค้กใครหวานมากอยู่แล้วเลือกช็อคโกแลตที่หวานน้อยหน่อยนะคะเดี๋ยวจะพากันหวานกันไปใหญ่ เค้กใครไม่เสียแต่ตั้งใจอบเค้กเพื่อทำช็อคบอลโดยเฉพาะก็ได้เหมือนกันนะคะใช้สูตรเค้กที่ชอบได้เลยค่ะ

บลูเบอร์รี่ชีสเค้ก

บลูเบอร์รี่ชีสเค้ก(สูตร Japanese Souffle Cheesecake มาจาก blog แม่สลิ่มค่ะ)

ส่วนผสม
ครีมชีส 120 กรัม
เนย 20 กรัม
นมสด 40 กรัม
น้ำตาลทรายป่น 70 กรัม
ไข่ไก่เบอร์ 1 3 ฟอง(แยกไข่แดง-ไข่ขาวด้วยค่ะ) มีเบอร์ 2 ก็ใช้เบอร์ 2 ได้ค่ะ
น้ำมะนาว 1/2 ช้อนชา (หรือใช้ครีมออฟทาทาร์ 1/4 ช้อนชาแทนได้ค่ะ)
แป้งเค้ก 40 กรัม (พัดโบก)
น้ำส้มคั้น 1/2 ช้อนโต๊ะ(ใช้น้ำส้มกล่องแทนค่ะ)
ผิวส้ม 1/2 ช้อนชา(ไม่มีค่ะเลยไม่ได้ใส่ )
เกลือ 1/2 ช้อนชา
แยมแอพพริคอต 1 ช้อนโต๊ะ (สำหรับเคลือบให้หน้าขนมเงาค่ะวันนี้มีบลูเบอรี่ราดหน้าแล้วเลยไม่ได้ใช้ค่ะ)
วิธีทำ
1. เตรียมพิมพ์ 2 ปอนด์แบบถอดก้นหรือแบบเข็มขัดค่ะเพื่อที่เค้กสุกจะได้ไม่ต้องคว่ำออกมาจากพิมพ์หากใครไม่มีใช้พิมพ์ธรรมดาแล้วรองกระดาษรองอบให้เลยขอบออกมาค่ะเพื่อเวลาเค้กสุกจะได้ยกกระดาษขึ้นได้ค่ะไม่ต้องคว่ำพิมพ์เพราะเค้กเบามากอาจจะยุบได้ถ้าคว่ำออกมาค่ะ วันนี้ใช้พิมพ์แบบปั๊มค่ะไม่มีรอยต่อเพราะเวลาอบมันต้องมีถาดหล่อน้ำ น้ำจะได้ไม่ซึมเข้าพิมพ์ค่ะพิมพ์ใครมีแนวโน้มน้ำจะซึมเข้าได้ให้ใช้ฟลอยด์ตัดให้แผ่นใหญ่กว่าพิมพ์ห่อนอกพิมพ์อีกทีได้ค่ะกันน้ำเข้า

2. นำน้ำใส่หม้อตั้งไฟไว้ค่ะ ละลายเนยโดยนำเนยสดใส่ภาชนะแล้ววางไว้บนหม้อที่ตั้งไฟค่ะเมื่อเนยละลายหมดก็ใส่ครีมชีสและนมสดลงไปค่ะปิดเตาพยายามบี้ให้ครีมชีสละลายหมดไม่จับตัวเป็นก้อนค่ะเสร็จแล้วก็วางพักไว้ให้เย็นค่ะ

3. วอร์มเตา ไฟล่าง ที่อุณหภูมิ160 องศาเซลเซียสนำถาดขนาดใหญ่กว่าพิมพ์ใส่น้ำลงไปกะเอาว่าถ้าวางพิมพ์ไปแล้วน้ำไม่ล้นค่ะแล้วนำเข้าไปวางในเตาไว้ด้วยค่ะ
4. ร่อนแป้งและทำหลุมตรงกลางรอไว้ค่ะ

5. เมื่อครีมชีสเย็นแล้วใส่น้ำส้ม และเกลือลงไปใช้ตระกร้อมือคนให้เข้ากันค่ะ จากนั้นทยอยใส่ไข่แดงลงไปทีละฟองคนให้เข้ากันจนหมดค่ะ

6. เทส่วนครีมชีสลงกลางหลุมแป้งที่ทำไว้แล้วคนให้เข้ากันแบบเร็วๆ เข้ากันแล้วหยุดค่ะเดี๋ยวเค้กเหนียวขั้นตอนนี้เริ่มคล้ายๆกับการทำชิฟฟ่อนเค้กค่ะ

7. มาที่ส่วนของไข่ขาวค่ะ ตีไข่ขาวกับครีมออฟทาทาร์จนได้ได้ฟองละเอียดทยอยใส่น้ำตาลลงไปตีด้วยความเร็วสูงจนตั้งยอดอ่อนค่ะปลายโต้งเล็กน้อยไม่ตั้งตรง

8. แบ่งไข่ขาวเป็นสามส่วนใส่ส่วนที่หนึ่งลงในส่วนครีมชีสใช้ตระกร้อมือตะล่อมให้เข้ากันมากที่สุดอย่างเบามือจากนั้นใส่ส่วนที่ 2 และ 3 ลงไปตะล่อมให้เข้ากันอาจจะใช้พายยางช่วยปาดให้ถึงก้นเพื่อปาดเอาส่วนผสมที่นอนก้นขึ้นมาค่ะ ใครมีผิวส้มก็ใส่ตอนนี้เลยค่ะ
9. เทส่วนผสมลงพิมพ์แล้วเคาะฟองอากาศออก จากนั้นนำไปเข้าอบโดยวางพิมพ์ไว้บนถาดที่มีน้ำหล่อไว้ใช้เวลาอบนานกว่าเค้กทั่วไปค่ะประมาณ 1 ชั่วโมงได้ค่ะแล้วแต่เตาด้วยเช็คสุกเอาเองค่ะแต่แนะนำว่าอย่าใจร้อนค่ะใช้เวลานานทีเดียวกว่าจะสุก ชีสเค้กนิยมให้ขนมเป็นสีขาวๆแต่หากใครชอบหน้าเหลืองๆก็เปิดไฟบนล่างในตอนท้ายหลังจากขนมสุก ให้ขนมหน้าเหลืองหน่อยได้ค่ะ เช็คสุกโดยใช้ไม้จิ้มไปตรงกลางเค้กไม่มีเศษขนมติดมาแสดงว่าสุกแล้วค่ะ
10. เค้กสุกเรียบร้อยแล้วเอาออกจากเตาแล้วยกเค้กออกจากพิมพ์วางบนตระแกรงทันทีค่ะ ทิ้งไว้นานเดี๋ยวยุบเหี่ยวหมดสวยกันเลย

11. ตั้งพักให้เย็นก็มาแต่งหน้ากันค่ะ ใครจะทานแบบเพียวๆแล้วทาแยมแอพพริคอตให้เงาๆก็ได้ค่ะ แต่มีบลูเบอร์รี่เหลือนิดนึงเลยเอามาแต่งหน้าซะหน่อยปาดด้วยวิปปิ้งครีมแค่นี้ก็ได้บลูเบอรี่ชีสเค้กอีกรูปแบบนึงแล้วค่ะที่แตกต่างจากชีสเค้กที่มีฐานเป็นขนมปังกรอบ

เค้กส้ม

เริ่มกันเลยค่ะด้วยการทำตัวเค้กก่อนแล้วค่อยทำหน้าซอสส้มทีหลังค่ะสูตรนี้เป็นสปันจ์เค้กนะคะ
ส่วนผสมตัวเค้ก
1. แป้งเค้กพัดโบก 100 กรัม
2. ผงฟู 3/4 ช้อนชา
3. น้ำตาลทราย 120 กรัม
4. เกลือ 1/2 ช้อนชา
5. น้ำ 40 กรัม
6. นมข้นจืด 30 กรัม
7. ไข่ไก่ 3 ฟอง (เบอร์ 2)
8. เนยสดละลาย รสเค็ม 70 กรัม
9. สารเสริม SP 10 กรัม
10. กลิ่นส้ม 1 ช้อนชา
11. สีเหลือง 2 หยด (ใช้สีส้มค่ะสีเหลืองไม่มี)
วิธีทำ
1.เตรียมชั่งส่วนผสมทั้งหมดให้พร้อม

ผสมนมข้นจืด สีและกลิ่นเข้าด้วยกัน
2. ร่อนแป้งกับผงฟู 2 ครั้ง พักไว้

3. วอร์มอุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียสค่ะไฟล่างอย่างเดียวค่ะ
4. สูตรนี้ทำเค้กได้ 3 ปอนด์ค่ะใครจำทำเป็นปอนด์ก็ตัดกระดาษรองอบเตรียมวางไว้ที่ก้นพิมพ์ขนาด 3 ปอนด์ค่ะ แต่ว่าวันนี้อยากทำแบบเป็นคัพเค้กแทนค่ะ เบื่อแบบเป็นปอนด์แล้วเอาไว้วันหลังถ้าทำแบบปอนด์จะมาเพิ่มรูปให้ดูนะคะ วันนี้เลยเตรียมพิมพ์จีบอลูมิเนียมกับกระทงกระดาษค่ะ

5. ใส่น้ำตาลทราย เกลือ ไข่ไก่ และน้ำลงไป ในโถผสมค่ะ และเอา SP ปาดที่หัวตะกร้อรอไว้ค่ะ ตีด้วยความเร็วสูง 5 นาทีค่ะแล้วปาดอ่าง

รูปหลังจาก ตี 5 นาทีแล้วส่วนผสมฟูขึ้นมามากเลยค่ะ
6. จากนั้นใส่แป้งที่ร่อนแล้วลงไปครึ่งนึงก่อนค่ะตีด้วยความเร็วต่ำจนไม่เห็นแป้งแล้วก็ใส่แป้งอีกครึ่งนึงลงไปค่ะตีด้วยความเร็วต่ำต่อไปจนไม่เห็นผงแป้งแล้วก็ปาดอ่างซะหน่อยจากนั้นตีต่อด้วยความเร็วปานกลาง 3 นาทีค่ะ

ลืมใส่ตอนใส่แป้งเลยถ่ายได้ตอนใส่แป้งไปหมดแล้ว
7. ระหว่างตีนำเนยเข้าไมโครเวฟเลยค่ะซัก 1 นาที ภาชนะควรมีฝาปิดนะคะเพราะเนยอาจจะเดือดในช่วงท้ายแล้วจะกระเด็นเลอะไมโครเวฟได้ค่ะเสร็จแล้วก็เอาออกมาตั้งรอไว้ค่ะ

8. กลับมาทีตัวเค้กค่ะเมื่อตีครบ 3 นาทีแล้วก็ปาดอ่างค่ะแล้วตีต่อไปอีก 2 นาทีด้วยความเร็วปานกลางเหมือนเดิมครบแล้วก็หยุดปาดอ่างอีกครั้ง
9. จากนั้นลดลงมาตีด้วยความต่ำใส่นมข้นจืด สี และกลิ่นที่ผสมไว้ลงไปค่ะตีต่อไปจนส่วนผสมเข้ากัน
10. จากนั้นลองใช้นิ้วจุ่มเนยที่ละลายไว้ดูค่ะต้องไม่ร้อนไม่เย็นเกินไปทยอยใส่ลงไปเป็นสายเล็กๆจนเนยหมดใช้ความเร็วต่ำอยู่นะคะตีสักพักจนส่วนผสมเนียนเข้ากันดีไม่มีสีของเนยแล้วก็หยุดค่ะ

11. ปาดอ่างอีกครั้งให้ถึงก้นอ่างเลยนะคะ เช็คให้แน่ใจว่าไม่มีเนยหลงอยู่ไม่งั้นจะเป็นไตค่ะ เค้กสปันจ์สำคัญที่การปาดอ่างหากปาดจนแน่ใจว่าไม่มีเนยเหลือแล้วก็สบายใจได้ค่ะว่าเค้กจะไม่เป็นไตแน่นอน

12. เทเค้กใส่พิมพ์ที่เตรียมไว้ค่ะ เคาะก้นพิมพ์เบา ๆ เพื่อไล่ฟองอากาศ แล้วเอาใส่เตาเลยค่ะ อบด้วยไฟล่างอย่างเดียว อุณหภูมิ 180 องศา หากใส่ถ้วยกระดาษไม่ต้องใส่เยอะนะคะประมาณแค่เกือบๆ 2/3 ถ้วยค่ะถ้าใส่เยอะจะไม่มีที่ให้ใส่ซอสส้มค่ะหน้าอาจไหลเลอะกระทงกระดาษได้

13. สังเกตว่าหน้าเค้กเริ่มตึงๆแล้วลองใช้ไม้จิ้มฟันเช็คดูค่ะหากไม่ติดเศษไม้มาแสดงว่าสุกแล้วให้เปลี่ยนเป็นไฟบนล่างอบต่อไปจนเค้กสีสวยก็ปิดเตาได้ค่ะ
14. เอาเค้กออกมาแล้วก็เคาะบนโต๊ะ 1 ทีค่ะ จากนั้นก็ผึ่งบนตระแกรงให้เย็น จากประสบการณ์ที่ทำมาแยกเป็น 2 แบบนะคะ หากอบด้วยพิมพ์เค้กปอนด์ให้วางทั้งพิมพ์ไว้บนตระแกรงปล่อยให้พิมพ์อุ่นลงกว่าเดิมนิดหน่อยแล้วค่อยคว่ำเค้กลงบนตระแกรงดึงกระดาษรองอบออกและตั้งทิ้งไว้อย่างนั้นจนเย็นค่ะ หากทำเค้กใส่กระทงกระดาษให้เอาเค้กออกมาตั้งไว้บนตระแกรงทั้งพิมพ์จีบจนเค้กเย็นค่ะแล้วค่อยเอาออกจากพิมพ์จีบค่ะถ้ามีพัดลมเป่าจะดีมากค่ะไล่ความชื้นออกไปหากเค้กชื้นมากเค้กอาจจะล่อนออกจากกระดาษได้ค่ะแต่ที่สำคัญยังไงก็ต้องอบเค้กให้สุกแห้งดีนะคะเพราะถ้าเค้กไม่สุกดีแล้วทำยังไงมันก็ล่อนออกจากกระดาษค่ะ
ตัวเค้กเรียบร้อยแล้วเรามาทำซอสส้มกันต่อค่ะ
ส่วนผสมหน้าซอสส้ม
น้ำเปล่า300 กรัม
น้ำส้มซันควิกเข้มข้น50 กรัม
น้ำตาลทราย120 กรัม
แป้งกวนไส้25 กรัม
เนยสด20 กรัม
สีส้ม 1-2 หยดตามความเหมาะสม
วิธีทำ
1. ใส่ส่วนผสมทั้งหมดลงในหม้อยกเว้นเนยค่ะ เริ่มจากน้ำตาลและแป้งกวนไส้ก่อนค่ะคนให้เข้ากันก่อนแล้วค่อยตามด้วยน้ำส้มและน้ำค่ะทำแบบนี้จะทำให้ส่วนผสมเข้ากันง่ายกว่าเททั้งหมดลงไปพร้อมกันค่ะทำแบบนั้นแป้งอาจจะไม่ค่อยให้ความร่วมมือในการละลายเข้ากันเท่าที่ควร

2. นำไปตั้งไฟกลางค่อนไปทางอ่อนคนไปเรื่อยๆค่ะ

3. คนจนส่วนผสมเริ่มข้นก็ใส่เนยลงไปแล้วปิดไฟค่ะคนจนเนยละลายก็ได้หน้าซอสส้มแล้วค่ะง่ายมากๆ

นี่เป็นวีดีโอให้เห็นว่าซอสส้มควรจะข้นแค่ไหนนะคะ
ได้ส่วนประกอบตัวเค้กและหน้าเค้กแล้วเรามาประกอบร่างกันค่ะ
หากทำใส่ถ้วยกระดาษให้คนหน้าซอสให้อุ่นๆลงหน่อยแล้วราดลงบนเค้กเลยค่ะตกแต่งตามชอบวันนี้มีส้มในน้ำเชื่อมเลยเอามาแต่งหน้าเค้กซะหน่อยราดซอสส้มปิดบนเนื้อส้มด้วย เนื้อส้มจะได้ไม่แห้งเหี่ยว

หากทำใส่พิมพ์ปอนด์ให้สไลด์เป็นชั้นๆตามต้องการนำชั้นแรกไปวางบนตระแกรงที่รองด้านล่างไว้ด้วยถาดเพื่อให้ซอสส้มที่ไหลลงไปไม่เลอะโต๊ะค่ะรอให้หน้าอยู่ตัวนิดนึงก็วางชั้นต่อๆไปจนหมดถึงชั้นสุดท้ายก็เทซอสที่เหลือลงไปเอียงไปมานิดหน่อยให้หน้าไหลคลุมด้านข้างเค้กตั้งทิ้งไว้ให้เย็นก็ได้เค้กส้มแสนอร่อยแล้วค่ะรูปเค้กแบบปอนด์จะเอามาให้ดูเร็วๆนี้นะคะ นำเค้กเข้าตู้เย็นให้เค้กเซ็ตตัวก่อนแล้วค่อยนำมาตัดแบ่ง

เค้กกล้วยหอม

เค้กกล้วยหอม (ขอยืมสูตรจากคุณ beebie ใน BloggangPantip นะคะ)

ส่วนผสม
แป้งเค้ก 200 กรัม (พัดโบก)
ไข่ไก่ 3 ฟอง
ผงฟู 1 1/2 ช้อนชา
เบคกิ้งโซดา 1 ช้อนชา
เกลือป่น 1/2 ช้อนชา
น้ำมันพืช 1 ถ้วยตวง (วันนี้ใช้น้ำมันรำข้าวค่ะ)
น้ำตาลทราย 180 กรัม
กล้วยหอมสุกบด 200 กรัม (ยิ่งกล้วยงอมๆเท่าไหร่กลิ่นยิ่งแรงค่ะเหมาะกับการทำเค้กกล้วยหอม)
น้ำมะนาว 1 ช้อนชา

วิธีทำ
1. เตรียมส่วนผสมทุกอย่างให้พร้อม บดกล้วยรอไว้ค่ะใครจะใช้เบลนเดอร์บดก็ได้หรือถ้าขี้เกียจออกแรงเข้าเครื่องปั่นเลยค่ะตามด้วยน้ำมะนาว

2 .ร่อนแป้ง ผงฟู เบคกิ้งโซดา 2 ครั้งพักไว้ค่ะ

3. เตรียมถ้วยกระดาษใส่ถาดไว้ค่ะ

3. วอร์มเตาอบที่อุณหภูมิ 200c ค่ะ ไฟล่างอย่างเดียวก่อนค่ะ
4. ใส่ไข่ลงในโถผสมค่ะตามด้วยเกลือและน้ำตาลตีด้วยความเร็วสูง 8 นาทีค่ะ

5. จากนั้นใส่แป้ง ผงฟู เบคกิ้งโซดาที่ร่อนไว้แล้ว ลงไปหมดเลยค่ะแล้วตีด้วยความเร็วต่ำ1 นาทีพอเข้ากัน เค้กนี้ส่วนน้ำจะเยอะค่ะแป้งไม่ค่อยฟุ้งใส่แป้งลงไปหมดเลยก็ได้แล้วรอซักพักให้แป้งจมน้ำแล้วค่อยตีหรือใช้พายคนซักหน่อยก่อนก็ได้แล้งค่อยตีต่อแป้งจะได้ไม่ฟุ้ง ลืมถ่ายรูปตอนใส่แป้งเลยได้รูปตอนตีเรียบร้อยแล้วมาแทนค่ะ

6. ปาดอ่างซักหน่อย จากนั้นใส่น้ำมันพืชตามลงไปค่ะอันนี้ค่อยๆใส่นะคะ ใส่ไปทีเดียวกลัวว่ามันจะไม่เข้ากัน ตีด้วยความเร็วปานกลาง 2 นาทีค่ะ
ลืมรูปตอนใส่น้ำมันพืชอีกแล้วได้มาแต่รูปน้ำมันพืชเอาไปดูต่างหน้าก่อนแล้วกันนะคะ

7. ปาดอ่างอีกรอบแล้วใส่กล้วยบดลงไปเลยค่ะ ตีด้วยความเร็วต่ำ 1 นาที ก็เรียบร้อยแล้ว จากภาพอาจะงงว่าทำไมใส่กล้วยน้อยจังพอดีใส่กล้วยไปแล้วลืมถ่ายรูปอีกตามเคยค่ะพอดีนึกได้เหลือกล้วยอยู่หน่อยเดียวเลยใส่ลงไปแล้วถ่ายภาพซักหน่อยพอเป็นพิธีค่ะ

8. ตักใส่พิมพ์ที่เตรียมไว้ตักประมาณ 2 ช้อนสั้นพอค่ะต่อ 1 พิมพ์ สูตรนี้ตักได้ประมาณ 16 – 18 ถ้วยค่ะ เรียบร้อยแล้วเอาเข้าอบเลยค่ะ

9. อบไฟล่างประมาณ 10 นาทีพอให้เค้กเริ่มไต่พิมพ์ขึ้นมาปริ่มๆค่ะจากนั้นเปลี่ยนเป็นไฟบนล่างค่ะจนเค้กสุกสีสวยแล้วก็เอาออกจากเตาค่ะ ตอนเค้กเริ่มปูดให้ดูสีเค้กก้อนที่อยู่ด้านในด้วยค่ะอาจจะต้องมีกลับเอาด้านในมาด้านนอกสีเค้กจะได้เสมอกันทั้งเตาค่ะ หากไม่ต้องการให้เค้กปูดให้อบไฟล่างอย่างเดียวค่ะแต่อย่าใส่เยอะนะคะเพราะเค้กไม่ปูดแต่จะล้นแทนค่ะ

ได้เค้กออกมาแล้วผึ่งให้เย็นค่ะ หากใครมีช็อคโกแล็ตชิฟใส่โรยลงไปก่อนอบก็ได้ค่ะเค้กกล้วยหอมจะได้อัพเกรดขึ้นมาอีกหน่อยหรืออาจจะเป็นถั่วต่างๆก็ได้ค่ะเค้กจะได้แตกต่างจากที่เค้าขายกันตามท้องตลาด

โรลสตอเบอร์รี่

ส่วนผสม

ส่วนของไข่แดง
แป้งเค้กพัดโบก 120 กรัม
ผงฟู 1/2 ช้อนชา
น้ำตาลทรายบด 54 กรัม
เกลือ 1/4 ช้อนชา
นมสด 76 กรัม
น้ำมันพืช 44 กรัม
ไข่แดง 4 ฟอง

ส่วนของไข่ขาว
ไข่ขาว 4 ฟอง
ครีมออฟทาทาร์ ¼ ช้อนชา
น้ำตาลทรายบด 54 กรัม

ขั้นตอนการทำ
1. เตรียมถาดอบปูด้วยแผ่นรองอบรอไว้ค่ะ สูตรนี้ความจริงน่าจะพอดีสำหรับถาดประมาณขนาด 11×11 นิ้ว 1 ถาดค่ะ แต่เตาใหญ่ไม่พอเลยใช้ถาด 10×10 แทนแล้วที่เหลือเทใส่พิมพ์สี่เหลี่ยมสี่ปอนด์แทนค่ะ แต่ไม่แน่ใจเหมือนกันนะคะว่าถาดขนาด 11×11 นิ้วจะเล็กไปหรือเปล่าเพราะไม่เคยลองค่ะถ้าใส่แล้วเห็นมันหนาไปก็แบ่งที่เหลือใส่ถาดขนาดเล็กอีกทีนะคะเพราะหนาไปก็ม้วนไม่ได้ค่ะ

2. วอร์มเตาที่อุณหภูมิ 200c ไฟบนล่างค่ะ
3. ร่อนแป้ง ผงฟู 2 ครั้งแล้วทำหลุมตรงกลางไว้ค่ะ

4. ผสมน้ำตาล เกลือ นมสด น้ำมันพืช ไข่แดงเข้าด้วยกันค่ะ

5.เทส่วนผสมในข้อ 4 ลงในแป้งที่ทำหลุมไว้ค่ะคนให้เข้ากันแบบเร็วและแรงอย่านานค่ะเดี๋ยวเค้กจะเหนียวเสร็จแล้วพักส่วนของไข่แดงไว้ค่ะ

6. ตีไข่ขาวกับครีมออฟทาทาร์ให้เป็นฟองละเอียดด้วยความเร็วสูงแล้วทยอยใส่น้ำตาลลงไปค่ะตีด้วยความเร็วสูงไปเรื่อยๆจนตั้งยอดอ่อนค่ะ เมื่อไข่ขาวตั้งยอดอ่อนแล้วลดเหลือความเร็วต่ำอีกสักพักแล้วหยุดตีค่ะ

7. นำส่วนผสมของไข่ขาวที่ตีไว้แบ่งตักเป็นสามส่วนค่ะผสมลงในส่วนผสมของไข่แดงที่พักไว้ทีละส่วนค่ะใช้ตระกร้อมือค่อยๆตะล่อมให้ถึงก้นอ่างนะคะแล้วยกขึ้นมาเขย่าเบาๆให้ส่วนผสมหล่นกลับลงมาในโถทำซ้ำแบบนี้ไปเรื่อยๆค่ะจนส่วนผสมเข้ากันดี อย่าทำแบบใช้ตระกร้อวนๆกวนๆค่ะใช้ตะล่อมเอา(ไม่รู้อธิบายแบบนี้จะนึกภาพออกหรือเปล่า)ทำอย่างเบามือค่ะเดี๋ยวไข่ขาวจะยุบ

8. เมื่อเข้ากันแล้วก็เทใส่ถาดเลยค่ะกะประมาณถาดละ ½ – 1 ซ.ม. ค่ะเอียงถาดให้ส่วนผสมไหลคลุมไปรอบถาดให้ทั่วค่ะเคาะเบาๆ 1 ทีไล่ฟองอากาศ แล้วเอาเข้าอบเลยค่ะ

9. เค้กสุกแล้วเอาออกมาผึ่งบนตระแกรงพักเค้กให้เย็นลงค่ะ จากนั้นคว่ำพิมพ์เคาะเค้กออกมาลอกกระดาษรองอบออกแล้วหงายหน้าเค้กกลับขึ้นมาเหมือนเดิมค่ะ ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่านะคะแต่ถ้าทำแบบนี้หน้าเค้กจะไม่ลอกค่ะเพราะหากเราคว่ำหน้าเค้กลงบนตระแกรงตอนเค้กยังร้อนไอน้ำที่ระเหยจะกระทบกับโต๊ะแล้วกลับมาทำให้หน้าเค้กชื้นอ่ะค่ะเวลาม้วนแล้วหน้าลอกหมดเลยแต่ใช้วิธีนี้แล้วไม่ลอกค่ะ แต่ที่สำคัญต้องอบไฟบนให้หน้าเค้กแห้งด้วยนะคะไม่งั้นทำยังไงเค้กก็หน้าลอกอยู่ดีค่ะ
10. ระหว่างรอให้เค้กเย็น เตรียมทำไส้กันดีกว่าค่ะตีวิปปิ้งครีมค่ะวันนี้ใช้วิปปิ้งครีมนมสดแบบ UHT ค่ะดูวิธีตีได้ที่ การตีวิปปิ้งครีมแบบ daily ค่ะ เตรียมสตรอเบอร์รี่ค่ะหั่นเป็นชิ้นเล็กๆจะได้ม้วนง่ายๆค่ะวันนี้ใช้สตรอเบอร์รี่เกาหลีค่ะอร่อยมากไม่เปรี้ยวมากเหมือนของไทยแถมลูกใหญ่น่ากินค่ะ

11. เค้กเย็นแล้วเริ่มใส่ไส้กันเลยดีกว่า เตรียมผ้าขาวบางปูไว้ค่ะ แล้ววางเค้กลงไปเลย เอาหน้าเค้กสีน้ำตาลคว่ำลงค่ะหงายก้นขาวๆขึ้น ทาวิปปิ้งครีมให้ทั่วแล้ววางสตรอเบอร์รี่เรียงเป็นแถวๆลงไปค่ะจากนั้นก็โป๊ะวิปปิ้งครีมบางๆอีกที

12. ม้วนโรลกันเลยค่ะดูวีดีโอวิธีม้วนได้ที่ การม้วนแยมโรล ค่ะ
13. ม้วนเรียบร้อยแล้วลองเปิดผ้าให้ดูกันซักหน่อย จากนั้นม้วนผ้ากลับตามเดิมค่ะแล้วพันปลายเหมือนท๊อฟฟี่ค่ะม้วนให้แน่นจัดทรงเค้กให้ดีแล้วเอาแช่ตู้เย็นไว้ค่ะให้โรลเซ็ตตัวซะก่อนที่จะเอาออกมาตัดค่ะตัดเลยเดี๋ยวจะเละ

14. โรลเย็นแล้วเอาออกมาตัดให้ดูสักชิ้นค่ะ น่าทานมั๊ยคะ

15. บรรจุใส่กล่องกันเลยค่ะเอาไปฝากญาติๆค่ะหากใช้ถาดขนาด 10×10 จะใส่กล่องใส่แยมโรลได้พอดีค่ะตัดหัวตัดท้ายซะหน่อยเพื่อความสวยงามก็ใส่ลงกล่องได้เต็มพอดีค่ะ

คัพเค้กมะม่วง

คัพเค้กมะม่วง (ดัดแปลงมาจากสูตรเค้กกล้วยหอมของคุณbeebie ที่ pantip นะคะ)
ส่วนผสม
แป้งเค้ก 200 กรัม (พัดโบก)
ไข่ไก่ 3 ฟอง
ผงฟู 1 1/2 ช้อนชา
เบคกิ้งโซดา 1 ช้อนชา
เกลือป่น 1/2 ช้อนชา
น้ำมันพืช 1 ถ้วยตวง (วันนี้ใช้น้ำมันรำข้าวค่ะ)
น้ำตาลทราย 180 กรัม
มะม่วงสุกบด 200 กรัม (ถ้าใครอยากทำเค้กกล้วยหอมก็เปลี่ยนเป็นกล้วยหอมได้เลยค่ะ)
น้ำมะนาว 1 ช้อนชา
วิธีทำ
1. เตรียมส่วนผสมให้พร้อมก่อน

แป้ง ผงฟู เบคกิ้งโซดา เตรียมไว้ค่ะ

ไข่ไก่ 3 ฟองตั้งไว้ให้หายเย็น

ตวงน้ำมันรำข้าวในถ้วยตวงของเหลวนะคะ

เกลือกับน้ำตาลเทรวมกันไว้

มะม่วงสุกบดผสมน้ำมะนาว
2 .ร่อนแป้ง ผงฟู เบคกิ้งโซดา 2 ครั้งพักไว้ค่ะ
3. เตรียมถ้วยกระดาษใส่ถาดไว้ค่ะวันนี้ทำ 2 แบบค่ะใส่ถ้วยคัพเค้กด้วยใส่กระทงกระดาษด้วย

3. วอร์มเตาอบที่อุณหภูมิ 200c ค่ะ ไฟล่างอย่างเดียว
4. เริ่มกันเลยนะคะ ใส่ไข่ลงในโถผสมค่ะตามด้วยเกลือและน้ำตาลตีด้วยความเร็วสูง 8 นาทีค่ะ

5. จากนั้นใส่แป้ง ผงฟู เบคกิ้งโซดา ที่ร่อนไว้แล้ว ลงไปหมดเลยค่ะแล้วตีด้วยความเร็วต่ำ1 นาทีพอเข้ากัน เค้กนี้ส่วนน้ำจะเยอะค่ะแป้งไม่ค่อยฟุ้งใส่แป้งลงไปหมดเลยก็ได้แล้วรอซักพักให้แป้งจมน้ำแล้วค่อยตี

6. ปาดอ่างซักหน่อยแป้งติดด้านข้างเต็มเลย จากนั้นใส่น้ำมันพืชตามลงไปค่ะอันนี้ค่อยๆใส่นะคะ ใส่ไปทีเดียวกลัวว่ามันจะไม่เข้ากัน ตีด้วยความเร็วปานกลาง 2 นาทีค่ะ

7. ปาดอ่างอีกรอบแล้วใส่มะม่วงบดลงไปเลยค่ะ ตีด้วยความเร็วต่ำ 1 นาที ก็เรียบร้อยแล้ว

8. เทใส่พิมพ์ที่เตรียมไว้ตักประมาณ 2 ช้อนสั้นพอค่ะต่อ 1 พิมพ์ แบบคัพเค้กก็เหมือนกันมันจะฟูขึ้นมาอีกเยอะเลยเดี๋ยวจะล้น สูตรนี้ตักได้ประมาณ 18 ถ้วยค่ะ เรียบร้อยแล้วเอาเข้าอบเลยค่ะ วางพิมพ์ห่างๆกันนะอย่าทำตามในภาพเดี๋ยวพอเค้กฟูแล้วมันจะไหลมาติดกันค่ะวันนี้ผิดพลาดอย่างแรง ตอนท้ายเปลี่ยนเป็นไฟบนล่างเพื่อให้สีสวย

9. สีเริ่มสวยแล้วก็เอาออกมาจากเตาพักให้เย็นค่ะ

10. เค้กมะม่วงนี่ถ้ากินเปล่าๆเหมือนเค้กกล้วยหอมจะไม่รู้เลยนะคะว่าเป็นเค้กมะม่วงเพราะกลิ่นของมะม่วงไม่ได้โดดเด่นมีเอกลักษณ์เท่ากับกล้วยหอมเพราะฉะนั้นต้องแต่งหน้าให้มันหน่อยค่ะไม่งั้นจะกินไม่อร่อย
11. บีบบัตเตอร์ครีมลงไปแลยค่ะมากน้อยตามใจชอบวันนี้ใช้กระบอกบีบครีมค่ะไม่ได้ใช้ถุงบีบเพราะใช้ครีมน้อยเสียดายถุง

12.หั่นมะม่วงเป็นชิ้นๆไว้ แล้วชุบกับ กลาเซ่ ค่ะมะม่วงจะได้ไม่ดำ กลาเซ่ใช้นิดเดียวค่ะประมาณ 1/2 ช้อนโต๊ะแล้วใส่น้ำ ไป 1/2- 1 ช้อนโต๊ะเอาเข้าไมโครเวฟเลยใช้เวลานิดเดียวไม่ถึง 1 นาทีแค่พอละลายถ้าข้นไปเติมน้ำไปนิดนึงค่ะ คนให้เย็นลงแล้วเอามะม่วงลงชุบเลย จากนั้นก็วางลงบนครีมที่บีบไว้ก็เรียบร้อยแล้วเค้กมะม่วงของเราง่ายและอร่อยค่ะ

อันนี้กลาเซ่ที่ละลายแล้ว

วันเกิดพอดี ทำไปใส่บาตรซะหน่อย

Tag: อุปกรณ์เบเกอรี่,ผงฟู,เบคกิ้งโซดา,ถ้วยคัพเค้ก,กระทงกระดาษ,กระบอกบีบครีม,

เค้กมะพร้าวอ่อน

เค้กมะพร้าวอ่อน (ขอยืมสูตรจากแม่สลิ่ม จาก Bloggang ใน Pantip นะคะ)
เค้กมะพร้าวอ่อนสูตรนี้ประกอบด้วย 3 ส่วนนะคะ คือ

1.หน้าและไส้มะพร้าวอ่อน
2 .ตัวเค้ก (เป็นเนื้อชิฟฟ่อนค่ะ)
3. Butter Cream ดูได้จากขั้นตอนการทำ Butter Cream ค่ะ

เรามาเริ่มจากทำหน้าและไส้กันก่อนนะคะ

ส่วนผสม
1. มะพร้าวอ่อนขูดหรือหั่นเป็นเส้น 2 ลูก
2. แป้งถั่วเขียว (เรียกอีกอย่างว่าแป้งสลิ่ม) 30 กรัม (พอดีไม่มีเลยใช้แป้งข้าวโพดแทนค่ะได้เหมือนกัน)
3. น้ำตาลทราย 50 กรัม
4. เกลือป่น 1/4 ช้อนชา
5. กะทิ 250 กรัม (ส่วนตัวคิดว่ามันมันไปค่ะเลยลดเหลือ 215 กรัม ที่เหลืออีก 35 กรัมเอาไปทำเป็นตัวเค้ก ประหยัดเงินไปอีกหน่อยจะได้ซื้อกะทิแค่กล่องเดียว)
6. น้ำมะพร้าว 150 กรัม (ใส่ไป 185 กรัมค่ะชดเชยส่วนของกะทิที่ลดลงไป)
7. เนยสด 30 กรัม (มีรสเค็มก็ใช้รสเค็มค่ะ)

วิธีทำ

1. เตรียมหม้อมีหู 1 ใบ ใส่แป้งข้าวโพด น้ำตาลทรายลงไปในหม้อก่อนค่ะแล้วใช้ตระกร้อมือคนให้เข้ากัน(วิธีนี้จะทำให้แป้งข้าวโพดละลายง่ายกว่าใส่ทีหลังเพราะบางทีมันจับตัวเป็นก้อนต้องคอยบี้อีกวิธีนี้ได้ผลแป้งไม่จับตัวเป็นก้อนเลยค่ะเข้ากับส่วนผสมอื่นๆได้ง่ายขึ้น) ตามด้วยเกลือ กะทิ น้ำมะพร้าว เทลงหม้อให้หมดคนให้เข้ากัน

2. นำหม้อไปตั้งไฟอ่อนๆค่ะ คอยคนไปเรื่อยๆอาจจะนานหน่อยใจเย็นๆ คนไปซักพักจนมันเริ่มข้นขึ้นนิดๆตามภาพค่ะ

3. พอข้นนิดๆแล้วก็ใส่มะพร้าวอ่อนลงไปเลยค่ะ จะใส่หมดหรือแบ่งไว้แต่งหน้าก็ตามสะดวกค่ะ แล้วก็คนต่อ มาถึงขั้นนี้ส่วนผสมในหม้อจะข้นขึ้นกว่าเดิมมากๆเพราะแป้งเริ่มสุกแล้วค่ะช้าไม่ได้

4. พอส่วนผสมข้นได้ที่กะว่าเทลงบนเค้กแล้วหน้าไม่ไหลย้อยก็ใส่เนยสดตามลงไปแล้วปิดไฟได้เลยค่ะ คนจนกว่าเนยจะละลายหมด

5. เทไส้มะพร้าวที่ได้ลงในชามค่ะแล้วใช้ถุงแกงเอามาตัดขอบให้มันกางออกได้คลุมลงไปบนไส้ขนมปิดให้มิดแนบไปกับตัวไส้เลยค่ะจะทำให้หน้าไม่โดนลมสีไม่เปลี่ยนหน้าด้านบนไม่กระด้างค่ะใครมี warp จะใช้แทนถุงแกงก็ได้ค่ะ ไส้และหน้ามะพร้าวเสร็จเรียบร้อยพักไว้ค่ะ

ส่วนผสมตัวเค้กชิฟฟ่อน

แบ่งออกได้เป็น 2 ส่วน

คือส่วนไข่แดงกับส่วนไข่ขาว ใครแยกไข่ไม่เป็นตามไปดูได้ที่ วิธีแยกไข่ขาวจากไข่แดงค่ะ

เริ่มจากส่วนของไข่แดง
ส่วนผสม
1. แป้งเค้ก 90 กรัม (ใช้แป้งพัดโบกค่ะ)
2 ผงฟู 1/2 ช้อนชา
3. น้ำตาลทรายป่น 54 กรัม (สำหรับคนไม่ชอบหวานลดเหลือ 40 กรัมค่ะ)
4. เกลือป่น 1/4 ช้อนชา
5. กะทิ 33 กรัม (เหลือจากทำไส้มา 35 กรัมก็ใส่ไปให้หมดเลยค่ะ 35 กรัม เสียดายของ)
6. ไข่แดง 3 ฟอง
7. น้ำมันพืช 33 กรัม (ใช้น้ำมันดอกทานตะวันค่ะ)
8. น้ำมะพร้าว 24 กรัม

ส่วนของไข่ขาว
1. ไข่ขาว 3 ฟอง
2. ครีมออฟทาทาร์ 1/4 ช้อนชา
3. น้ำตาลทรายป่น 54 กรัม (ลดเหลือ 40 กรัมค่ะสำหรับคนไม่ชอบหวาน)

วิธีทำ

1. วอร์มเตาอบอุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส ไฟล่างอย่างเดียวค่ะ
2. เตรียมพิมพ์ค่ะสูตรนี้ได้ 3 ปอนด์ค่ะเพราะแม่สลิ่มใช้พิมพ์ 8 นิ้ว แต่วันนี้ขอใส่แค่พิมพ์ 1 ปอนด์ แล้วที่เหลือนิดหน่อยจะเอาไปใส่พิมพ์คัพเค้กค่ะ ตัดกระดาษรองอบให้เล็กกว่าขนาดพิมพ์เล็กน้อยค่ะเวลาวางลงไปในพิมพ์กระดาษจะได้ไม่ยับเค้กออกมาก็จะได้ไม่ยับตามกระดาษค่ะ ไม่ต้องทาไขมันใดทั้งสิ้นค่ะใช้กระดาษรองอย่างเดียว ส่วนคัพเค้กหากจะทำก็เตรียมถ้วยกระดาษใส่ในพิมพ์จีบอลูมิเนียมรองเอาไว้ค่ะ

3. ร่อนแป้งกับผงฟูให้เข้ากัน 2 ครั้งพักไว้ค่ะ วิธีตวงของแห้งที่เป็นผงให้ตักขึ้นมาพูนช้อนแล้วใช้สเปตูล่าปาดออกค่ะ ตามภาพ

4. ใส่น้ำตาลกับเกลือลงไปคนให้เข้ากันกับแป้งแล้วทำหลุมตรงกลางไว้ค่ะ

5. เทไข่แดง น้ำมัน น้ำมะพร้าว กะทิ ตามลงไปตรงกลางหลุมแล้วใช้ตระกร้อมือคนเร็วๆแรงๆให้เข้ากันให้เร็วที่สุดค่ะอย่าคนนานขนมจะเหนียว

6. คนเข้ากันแล้วพักส่วนของไข่แดงไว้ค่ะ

7. ส่วนของไข่ขาว เทไข่ขาวลงในอ่างผสมค่ะ ใส่ ครีมออฟทาทาร์ ลงไปค่ะ

8. ตีไข่ขาวจนเป็นฟองละเอียดตามภาพ

9. ทยอยใส่น้ำตาลทรายลงไปค่ะตีด้วยความเร็วสูงไปเรื่อยๆค่ะ พอเห็นว่าไข่ฟูขึ้นแล้วเห็นรอยตระกร้อชัดขึ้นลองปิดเครื่องแล้วยกหัวตีขึ้นมาค่ะดูว่าตั้งยอดอ่อนหรือยัง พอดีลืมถ่ายรูปไว้ ตั้งยอดอ่อนคือพอยกหัวตีขึ้นแล้วโคนตั้งตรงแต่ปลายยอดของไข่ขาวโค้งเล็กน้อยค่ะหากไม่โค้งแต่ตั้งตรงเลยแสดงว่าตั้งยอดแข็งแล้วก็ใช้ได้เหมือนกันค่ะหากตีไปแล้วเสียดายของ ส่วนตัวไม่เห็นความต่าง หากไม่ได้ตีจนตั้งยอดแข็งนานเกินไป เมื่อตีจนตั้งยอดอ่อนแล้วก็ตีความเร็วต่ำตัดฟองอากาศสักแป๊บค่ะ แล้วก็ปิดเครื่องเลย

10. ใช้ตระกร้อมือตักไข่ขาวขึ้นมาครึ่งนึงใส่ลงไปในส่วนของไข่แดงที่พักไว้ค่ะตักแค่ครึ่งเดียวก่อนนะคะ ตะล่อมให้เข้ากันแบบเบามือค่ะพยายามคนให้เข้ากันมากที่สุดในขั้นตอนนี้หากเห็นสีเหลืองเข้มๆเป็นริ้วๆแสดงว่าส่วนผสมยังไม่เข้ากันค่ะคนต่อจนเข้ากันดีแล้วก็ตักไข่ขาวส่วนที่ 2 ใส่ลงไปเลยค่ะคนแบบเดิมเบาๆจนเข้ากันครั้งหลังนี่เบามือที่สุดค่ะแล้วอย่าคนนานเดี๋ยวไข่ขาวยุบหมดเค้กที่ได้จะไม่ฟูนะคะ

11. เสร็จแล้วเทใส่พิมพ์ที่เตรียมไว้เลยค่ะ วิ่งไปที่เตาอบเลย ก่อนเอาเข้าอบกระแทกพิมพ์ลงบนโต๊ะซัก 2 ครั้งไล่ฟองอากาศหากมีเยอะหยิบไม้จิ้มฟันมา 1 อันวนๆลงไปในตัวเค้กให้ทั่วๆฟองอากาศจะแตกออกค่ะ หากไม่ทำอะไรเลยเค้กอบออกมาอาจจะมีรูฟองอากาศเยอะเกินไม่สวยค่ะ เสร็จแล้วเอาเข้าอบค่ะ
12. รอกี่นาทีไม่รู้ไม่เคยจับเวลาเลยสักทีดูที่ตัวเค้กเอาค่ะว่ามันเริ่มตึงๆหรือยังลองเอาไม้จิ้มฟันจิ้มลงไปตรงกลางเค้กดูหากไม่มีเนื้อเค้กติดมาแสดงว่าสุกแล้วให้เปลี่ยนเป็นไฟบนล่างหน้าเค้กจะได้สีสวยค่ะ
13. ได้สีเค้กเป็นที่น่าพอใจแล้วเอาออกจากเตาวางบนตระแกรงพักให้เย็นลงซักนิดนึงค่ะ

14. ใช้สปตูล่าแซะขอบเค้กด้านข้างให้ล่อนออกจากพิมพ์ คว่ำเค้กลงบนตระแกรงแล้วเคาะเบาให้เค้กหลุดออกจากพิมพ์ค่ะ ดึงกระดาษรองอบออก ผึ่งเค้กไว้ให้เย็นสนิทอีกครั้ง

15. มาถึงขั้นตอนการตกแต่งเมื่อเค้กเย็นแล้วนำไปวางบนแผ่นรองเค้กค่ะแล้วใช้ที่สไลด์ชั้นเค้กมาลองทาบดูว่าจะสไลด์กี่ชั้นตามสะดวกค่ะวันนี้ใส่ไส้แค่ชั้นเดียวพอ วิธีใช้ที่สไลด์ชั้นเค้กก็เอาทาบกับตัวเค้กแล้วเอามีดปาดนำทางให้เค้กขาดในตอนแรกค่ะเพราะใช้ที่สไลด์เลยบางทีเค้กก็ไม่ขาดสักทีเผลอๆส่วนอื่นขาดแทนเค้กแหว่งอีก

16. สไลด์ได้แล้วปาดครีมไกด์ไว้ค่ะเวลาดึงส่วนบนออกไปแล้วพอเอามาประกบกลับจะได้กลับเข้ารูปเดิมไม่เบี้ยว

17. เทไส้มะพร้าวที่ทำพักไว้จนเย็นแล้วลงไปค่ะปริมาณตามความพอใจไม่มากไม่น้อนเกินไป

18. วางส่วนบนกลับคืนที่เดิมตามที่ทำสัญลักษณ์ไว้
19. นำ ButterCream ที่ตีไว้แล้วเรียบร้อยแล้วปาดลงบนเค้กเพื่อตกแต่งค่ะ แล้วแต่ไอเดียแต่ละคนเสร็จแล้วราดหน้ามะพร้าวอีกสักหน่อยเรียบร้อยค่ะ นำเข้าตู้ให้เค้กเซ็ตตัวก่อนนำมาตัดค่ะถ้าตัดเลยไส้มะพร้าวทะลักแน่ค่ะไม่เชื่อลองดู

20. อันนี้เป็นคัพเค้กมะพร้าวค่ะ ตกแต่งนิดหน่อยน่ากินเชียว ราดหน้ามะพร้าวลงไปก่อนตามด้วย ButterCream
โรยท๊อปปิ้งไอซิ่งสีสดใสตามด้วยดอกไม้ คัพเค้กมะพร้าวอ่อนก็เสร็จเรียบร้อยพร้อมเสริฟค่ะ

แบบเป็นชิ้นใช้เกรียงตักเค้กวางบนกระทงฟอยด์พันพลาสติกพันเค้กซักหน่อยเพิ่มมูลค่าค่ะ

Tag : อุปกรณ์เบเกอรี่,ตระกร้อมือ,ผงฟู ,ครีมออฟทาทาร์,พิมพ์ 1 ปอนด์ ,กระดาษรองอบ,ถ้วยกระดาษ,พิมพ์จีบอลูมิเนียม,แผ่นรองเค้ก,สไลด์ชั้นเค้ก,ท๊อปปิ้งไอซิ่ง,กระทงฟอยด์,พลาสติกพันเค้ก,สเปตูล่า,ตระแกรง,เกรียงตักเค้ก

เค้กนมสด

เค้กนมสด (วันนี้ขอยืมสูตรจาก Blog คุณ Beebie ที่ Pantip นะคะ)

เค้กสูตรนี้เป็นสปันจ์เค้กค่ะ ซึ่งลำดับการตีสปันจ์เค้กของแต่ละคนอาจแตกต่างกันตามแต่ความถนัดของแต่ละคนวันนี้จะเป็นการตีสปันจ์เค้กแบบที่ 1 ค่ะคือเทส่วนผสมทั้งหมดในโถแล้วค่อยตีให้ขึ้นฟู แล้วตามด้วยเนยละลายค่ะส่วนแบบอื่นๆจะตามมานะคะอดใจรอกันค่ะ

ส่วนผสม
ไข่ไก่ 3 ฟอง (ใช้เบอร์ 2 ค่ะ)
น้ำตาลทรายบด 120 กรัม (ไม่ชอบหวานตามเคยลดเหลือ 100 กรัมค่ะ)
เอสพี 8 กรัม
แป้งเค้ก 100 กรัม (ใช้แป้งพัดโบกค่ะ)
ผงฟู ½ ช้อนชา
เกลือ ¼ ช้อนชา
นม 50 กรัม
เนย 30 กรัม
กลิ่นวนิลา 1 ช้อนชา

วิธีทำ
1. เตรียมพิมพ์ค่ะวันนี้ใช้พิมพ์ขนาด 3 ปอนด์ค่ะปูกระดาษรองอบเตรียมไว้เลยค่ะไม่ต้องทาไขมันใดๆทั้งสิ้น แล้ววอร์มเตาอบไฟล่างที่อุณหภูมิ 180 องศาเหมือนเดิมค่ะ

2. ร่อนแป้งกับผงฟูรวมกัน 2 ครั้งค่ะใส่เกลือลงไปคนให้เข้ากันแล้วพักไว้ค่ะ
3. ตอกไข่ใส่โถผสมค่ะไข่ต้องไม่เย็นนะคะใช้ไข่อุณหภูมิห้องค่ะหากเพิ่งเอาออกมาจากตู้เย็นให้ทิ้งไว้ให้เย็นก่อนค่ะความจริงก่อนเตรียมส่วนผสมอื่นๆแนะนำให้เอาไข่ออกมาวางรอไว้ก่อนเลยค่ะกว่าจะเตรียมส่วนผสมอื่นๆเสร็จไข่ก็น่าจะหายเย็นพอดี
4. เอาเอสพี ปาดที่หัวตระกร้อไว้ค่ะ ปกติทำสปันจ์จะใส่เอสพี ตลอด ไม่เคยลองทำแบบไม่ใช้เอสพี ด้วยซิเอาไว้วันหลังจะลองหาสูตรแบบไม่ใส่เอสพี ดูนะคะว่าตียากกว่ากันหรือเปล่า

5.ตีไข่กับเอสพี สักพักพอให้ไม่เห็นเอสพี เป็นก้อนๆนะคะแล้วตามด้วยน้ำตาลทรายค่ะทยอยใส่ลงไปแล้วตีด้วยความเร็วปานกลางพอเข้ากันให้น้ำตาลละลาย

6. ลดความเร็วลงต่ำแล้วทยอยใส่แป้งลงไปค่ะอย่าใส่ทีเดียวเยอะนะคะเดี๋ยวจะแป้งฟุ้งไปทั่วบ้าน ตีความเร็วต่ำไปจนแป้งไม่ฟุ้งขึ้นมาแล้วก็หยุดค่ะปาดอ่างสักหน่อย

7. ตอนนี้เราพักส่วนผสมในโถเอาไว้ก่อนแล้วไปเตรียมทำเนยละลายกันค่ะใส่เนยกับนมลงในถ้วยที่เข้าไมโครเวฟได้ค่ะเปิดที่ไฟแรงสุดสัก 1 นาทีพอค่ะ ตั้งเวลาไว้แล้วตอนนี้ทิ้งเนยไว้ก่อนไปตีส่วนผสมต่อกันเลยค่ะ
8. ตีส่วนผสมด้วยความเร็วสูงปาดอ่างทุก 3 นาทีค่ะปาดบ่อยหน่อยจะได้เข้ากันเผื่อด้านล่างนอนก้น ตีประมาณ 6 นาทีค่ะให้ได้เป็น Ribbon Stage ค่ะสังเกตได้จากส่วนผสมจะฟูขึ้นกว่าเดิม 3 เท่าค่ะพอยกหัวตีขึ้นแล้วส่วนผสมจะพับทบไปมาเป็นชั้นๆได้ค่ะตามภาพ เมื่อตีได้ที่แล้วก็ตีความเร็วต่ำตัดฟองอากาศค่ะ

9.ระหว่างที่ตีอยู่อย่าลืมมาดูเนยที่ละลายไว้นะคะดูว่าละลายหมดหรือเปล่าถ้าไม่หมดก็อบต่ออีกครึ่งนาทีค่ะถ้าละลายหมดแล้วก็ปล่อยไว้ในไมโครเวฟก่อนจะใช้ค่อยเอาออกมาจะได้ไม่เย็นเกินไปไม่ร้อนเกินไปค่ะ

10. ต่อเลยนะคะเมื่อตีส่วนผสมเรียบร้อยก็เอาเนยออกมาจากไมโครเวฟเลยค่ะลองเอานิ้วจิ้มดูต้องอุ่นๆไม่เย็นเกินไปนะคะ ทยอยใส่เนยเป็นสายลงไปค่ะตีด้วยความเร็วปานกลางจนเนยหมดแล้วปาดอ่างก่อนค่ะ จากนั้นทยอยใส่กลิ่นวนิลาแล้วตีต่ออีก 2 นาทีแล้วปาดอ่างอีกรอบค่ะ ดูด้วยนะคะให้แน่ใจว่าไม่มีสีเหลืองๆของเนยเหลืออยู่เพราะถ้ามีมันจะเป็นไตค่ะหมั่นปาดอ่างบ่อยๆดีที่สุดโอกาสเค้กเป็นไตจะลดลงค่ะ (สารภาพว่าเริ่มทำสปันจ์เค้กครั้งแรกเป็นไตค่ะเททิ้งกันเลยทีเดียวกว่าจะทำใจได้ตั้งนานไม่กล้าตีเลยค่ะทำแต่ชิฟฟ่อนจนลองทำตามแม่สลิ่มที่ตีอีกแบบนะคะไม่ใช่แบบวันนี้ ทำตามทุกขั้นตอนเลยจับเวลาอีกต่างหากแล้วผลออกมาไม่เป็นไต เลยมีกำลังใจหน่อยจากนั้นก็ไม่เป็นไตอีกเลยค่ะรักษาหายขาดแล้ว ปัจจัยหลักน่าจะอยู่ที่อุณหภูมิของเนยละลายกับการหมั่นปาดอ่างค่ะไม่ให้มีเนยนอนก้นอยู่) ตีต่ออีก 1 นาทีพอค่ะปาดอ่างครั้งสุดท้ายลองยกหัวตีดู Ribbon Stage ยังอยู่

11. เทใส่พิมพ์แล้วเอาเข้าเตาอบเลยค่ะ แล้วก็นั่งรอไปจนเค้กสุกไม่ได้จับเวลาอีกเช่นเคย ดูเนื้อเค้กเอาค่ะกะให้ฟูเต็มที่ก่อนนะคะห้ามเปิดเตาตอนเค้กกำลังขึ้นฟูเพราะมันอาจจะยุบลงได้ค่ะ เมื่อเห็นว่าหน้าเค้กเริ่มตึงๆลองเอาไม้จิ้มดู เค้กไม่ติดมาก็ใช้ได้ค่ะแต่สียังไม่สวย อบไฟบนล่างอีกซักหน่อยให้สีสวยๆค่ะอบน้อยไปเอาออกมาเค้กอาจหดค่ะมันยังสุกไม่เต็มที่ เคยเจอมาหมดแล้วค่ะหดเหลืออันนิดเดียวเองน่าอายมากค่ะอบให้สุกพอดีๆนะคะไหม้เกินก็แห้งไปอีกไม่อร่อยค่ะ

12. อบได้ที่แล้วเอาออกมาวางไว้บนตระแกรงซักพักค่ะให้พิมพ์เย็นลงหน่อยแล้วค่อยแซะออก แล้วคว่ำเค้กลงบนตระแกรงผึ่งให้เย็นสนิทค่ะอย่าลืมลอกกระดาษรองอบออกด้วยค่ะ

ไหนลองดูก้นเค้กซิวันนี้ก้นเค้กไม่เป็นไตผ่านค่ะทำขั้นตอนต่อไปกันเลย

13. นำเค้กมาสไลด์ค่ะกี่ชั้นก็ตามต้องการค่ะ

แล้วปาดด้วยวิปปิ้งครีมค่ะวันนี้ใช้ Rich Gold Lable ค่ะมีอยู่ในตู้พอดีวิปปิ้งแบบ non-daily (ครีมเทียมทำจากไขมันปาล์ม) มันเก็บไว้ได้นานค่ะตีง่ายกว่าแบบ daily ซึ่งเป็นครีมนมสด ดูวิธีตีวิปปิ้งครีมแบบ non-daily ได้ที่ การตีวิปปิ้งครีมแบบ non-daily ค่ะ วางเค้กชั้นที่เหลือทับลงไปแล้วตกแต่งตามต้องการค่ะ

ฝีมือการแต่งเค้กอาจจะยังไม่ค่อยดีกำลังฝึกอยู่ค่ะสักวันต้องเป็นวันของเราค่ะ

ตัดแบ่งสักหน่อย

อีกซักรูป

Tag: อุปกรณ์เบเกอรี่,เอสพี,ผงฟู ,พิมพ์ขนาด 3 ปอนด์,กระดาษรองอบ

วิธีทำเค้กช็อคโกแลต

เค้กชอคโกแลตหน้านิ่ม : ทำอย่างไรให้เค้กหน้าเด้ง

ใกล้เข้ามาแล้วกับเทศกาล วันวาเลนไทน์ ที่หนุ่ม ๆ สาว ๆ หลายคนรอคอยเพื่อที่จะได้บอกรักใครสักคน วันนี้เรามีสูตรขนมเค้กช็อกโกแลต สูตรเด็ดของคุณจุ๋ม(แม่สลิ่ม) อร่อย ๆ มาฝากกันค่ะ…

เตรียมพิมพ์ก่อนคะ วันนี้ใช้พิมพ์กลมขนาด 2 ปอนด์ (เส้นผ่าศูนย์กลาง 8 นิ้ว) ปูกระดาษไข ไม่ต้องทาไขมันค่ะ

วอร์มเตาอบ จุ๋มใช้ 180 องศาเซลเซียสค่ะ ไฟล่างอย่างเดียว ตรงนี้คุณอุ๋มอิ๋มใช้บนล่างนะ จุ๋มเคยอบบนล่างแล้วเค้กหน้านูนมาก ต้องเฉือนทิ้ง เสียดายน่ะค่ะ

มาดูส่วนผสมกันค่ะ เริ่มตัวเค้กก่อนนะคะ จุ๋มทำ 1/2 สูตรของคุณแพรนะคะ หาร 2 หมด ยกเว้นหน้าทำเต็มสูตร จุ๋มชอบหน้าหนา ๆ

ส่วนผสมตัวเค้กส่วนที่ 1

– แป้งเค้ก 80 กรัม
– ผงฟู 1/4 ช้อนชา
– เบคกิ้งโซดา 1/2 ช้อนชา
– กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา (คุณแพรใช้แบบผง แต่จุ๋มใช้แบบน้ำค่ะ)
– เกลือป่น 1/4 ช้อนชา
– ผงโกโก้ 25 กรัม
– น้ำตาลทรายป่น 90 กรัม (ถ้าหาร 2 จากคุณแพรต้องใส่ 100 กรัม จุ๋มลดลงไปเองนะคะ)

ส่วนผสมตัวเค้กส่วนที่ 2

– น้ำ 50 กรัม
– นมข้นจืด 25 กรัม
– น้ำมะนาว 1 ช้อนชา
– น้ำมันพืช 65 กรัม
– ไข่แดง 2 ฟอง

ส่วนผสมตัวเค้กส่วนที่ 3

– ไข่ขาว 2 ฟอง (เหตุผลเหมือนด้านบน)
– น้ำตาลทราย 45 กรัม (ถ้าหาร 2 จากสูตรต้องเหลือ 50 จุ๋มลดลงมา 5 กรัมค่ะ)
– ครีมออฟทาทาร์ 1/4 ช้อนชา

วิธีทำตัวเค้ก

นำส่วนผสม 1 ได้แก่ แป้งเค้ก น้ำตาลทรายป่น ผงโกโก้ โซดา ผงฟู ร่อนร่วมกัน 2 ครั้งคะ ถ้าใช้วนิลลาแบบผงก็ร่อนรวมกันไปเลย แต่จุ๋มใช้แบบน้ำใส่ทีหลังคะ เกลือป่นจุ๋มใส่หลังจากร่อนของแห้งอื่น ๆ แล้วนะคะ เพราะมันค่อนข้างเม็ดใหญ่ แล้วเอาช้อนให้เข้ากัน ทำหลุมตรงกลางไว้ค่ะ

นำส่วนผสมที่ 2 ได้แก่ น้ำเปล่า นมข้นจืด น้ำมันพืช ไข่แดง น้ำมะนาว ทุกอย่างข้างต้นใส่ชามผสม ใช้ตะกร้อมือคนให้เข้ากัน จุ๋มใช้วานิลลาแบบน้ำ ใส่ไปในนี้เลยค่ะ

แล้วนำของเหลว (2) ที่ผสมกันไว้เทใส่ชามผสมของแห้ง (1) ค่ะ แล้ว เอาตะกร้อมือคนแบบน้ำเซาะตลิ่งให้เข้ากัน หรือจะคนแบบแรง ๆ เร็ว ๆ ก็ได้คะ พอเข้ากันแล้วหยุดเลย ถ้าคนมากเนื้อเค้กที่ได้เหนียวคะ แล้วพักไว้ก่อนคะ

มาถึงส่วนผสมที่ 3 บ้างค่ะ ไข่ขาวและครีมออฟทาร์ทาร์ใส่ชามผสม ตีด้วยความเร็วสูงจนเป็นฟอง ใส่น้ำตาลทรายป่นลงไปแล้วตีต่อด้วยความเร็วสูงค่ะ จุ๋มใส่ทีละช้อนนะ ประมาณ 3 ครั้งค่ะ จนตั้งยอดอ่อนก่อนที่จะแข็ง แล้วหยุดค่ะ

นำส่วนของไข่ขาวไปผสมกับส่วนของไข่แดงที่เราผสมกันไว้เมื่อกี้ จุ๋มแบ่งผสม 2 ครั้งนะ ใช้ตะกร้อมือส่วนผสมจะเข้ากันง่ายกว่าไม้พายนะคะ ถ้าตีไข่ขาวตั้งยอดมากไป ผสมกว่าจะเข้ากันใช้เวลานานนะคะ ไม่ดี เนื้อเค้กก็จะหยาบแห้งด้วย ก็ผสมกันจนหมดนะคะ พอผสมเข้ากันดีแล้วเทใส่พิมพ์ที่เตรียมไว้คะ เคาะก้นพิมพ์เบา ๆ ไล่ฟองอากาศออกไปค่ะ นำเข้าเตาอบได้เลยค่ะ

เค้กสุกนำออกมา กระแทกพิมพ์ให้โครงสร้างอยู่ตัว 1 ที รอเย็นนำออกจากพิมพ์ค่ะ อันนี้แล้วแต่เทคนิคนะ ใครชอบทำแบบไหนก็เลือกเอาค่ะ บางคนถนัดที่จะเอาออกจากพิมพ์เลยตั้งแต่เอาเค้กออกมา แต่จุ๋มเปล่านะคะ รอเย็นค่ะ คราวนี้มาทำหน้านิ่มกันค่ะ

ส่วนผสมหน้าเค้ก

ส่วนที่ 1

– ผงวุ้น 1 ช้อนชา
– น้ำ 300 กรัม
– นมข้นจืด 200 กรัม
– น้ำตาลทราย 200 กรัม
– โกโก้ 50 กรัม

ส่วนที่ 2

– แป้งข้าวโพด 40 กรัม
– นมข้นจืด 150 กรัม

ส่วนที่ 3

– เนยสด 150 กรัม
– เหล้ารัม 1 ช้อนโต๊ะ (วันนี้ไม่ได้ใส่คะ คนที่ทำให้บอกว่าไม่ต้องใส่คะ)

วิธีทำหน้านิ่ม

นำ น้ำ, น้ำตาลทราย, นมข้นจืดส่วนที่ 1 (200 กรัม), ผงโกโก้ และผงวุ้น ใส่หม้อรวมกันเลยค่ะ เอาตะกร้อมือคนให้ส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันก่อนค่ะ

ส่วนของ แป้งข้าวโพดและนมข้นจืดส่วนที่ 2 จุ๋มจับใส่ถุงรวมกันแล้วเขย่าๆ ให้เข้ากันดีค่ะ (ขี้เกียจนะ ไม่ได้ใส่ชามและใช้ช้อน)

นำไปตั้งไฟอ่อนๆ แต่ก็ไม่อ่อนเสียสีเดียว มากกว่าอ่อนหน่อยค่ะ เอาตะกร้อมือคนตลอด ให้น้ำตาลทรายและผงวุ้นละลาคนไปเรื่อยๆ จนส่วนผสมเดือดนะคะ

แล้วก็เทแป้งข้าวโพดที่ละลายรวมกับนมข้นจืดลงไป ก่อนเทเขย่าๆ อีกทีคะ ตอนนี้ต้องลดไฟลงอ่อนค่ะ ใช้ตะกร้อมือคนตลอด ส่วนผสมจะข้นขึ้น ห้ามหยุดมือค่ะ

ของจุ๋มข้นประมาณนี้นะคะ ใส่เนยสดที่หั่นชิ้นเล็กลงไปคะ ถ้าใส่รัมใส่ตอนนี้เลยคะ คนให้เนยละลาย ปิดเตาเลยคะ

จากนั้นก็คนด้วยตะกร้อมือต่อให้หน้านิ่มอุ่น ห้ามหยุดคน มันจะ set ตัวเป็นลิ่มๆ หยอดแล้วไม่สวยคะ

เมื่อเค้กเย็นแล้วนำออกจากพิมพ์ slice เป็นกี่ชั้นตามต้องการนะคะ (ตรงนี้ไม่ถ่ายภาพให้ดู ลองไปดูการ slice ที่ blog how to decorating cake เองนะคะ ถ้าอยากได้ระหว่างชั้นหนา ๆ กับหน้าหนา ๆ แล้วละก็ลองทำวิธีนี้คะ) หาถุงจีบ ตัดด้านหน้าออกมา ถุงจีบจะมี 4 ด้าน เป็นด้านหน้าและด้านหลัง 2 ด้าน ด้านข้าง 2 ด้าน กรณีไม่มีถุงจีบก็ใช้แผ่นใสแทนก็ได้ค่ะ มาตัดให้ได้ความสูงสัก 3 นิ้วได้มังคะ ส่วนด้านความยาวให้พันรอบเค้กได้ เอาสก๊อตเทป stap ให้ต่อกันค่ะ จุ๋มใช้ถุงจีบนะ

เอาเค้กชั้นล่างวางลงไป เอาถุงจีบที่ตัดไว้พันรอบค่ะ ติดสก๊อตเทปให้มันอยู่เป็นทรงกระบอก

แบ่งหน้านิ่มตักใส่ไปค่ะ เท่าไรก็ใส่ไป แต่ดูให้มันสมดุลแล้วกันค่ะ หน้านิ่มนี่ต้องคอยคนตลอดนะ ห้ามหยุด หยุดแล้วมันจะเป็นลิ่มๆ ค่ะ

แล้วก็จับเค้กเอียงๆ ให้หน้านิ่มไหล แล้วก็กระแทกๆ ให้หมดฟองอากาศ หรือใช้ไม้จิ้มฟันจิ้มก็ได้ ทิ้งเวลาไว้ให้หน้านิ่มเซ็ทตัวนิดหน่อย เอานิ้วสัมผัสดูหน้ามันจะตึงๆ ค่ะ

พอหน้านิ่มด้านล่างตึงๆ แล้วเอาเค้กชั้นต่อมาวางลงไป แล้วก็ทำเหมือนเดิมเหมือนเมื่อกี้ คราวนี้ทิ้งเวลาไว้กว่าหน้านิ่มจะเซ็ทตัวทั้งหมด

จุ๋มไม่ได้จับเวลาค่ะ หันไปทำโน่นทำนี่ พอหน้านิ่มเซ็ทตัวแล้วก็แกะพลาสติกที่หุ้มไว้ออก หน้านิ่มที่เหลือจะข้นขึ้น เพราะมันเย็นแล้ว ก็เอาสปาตูลาร์หน้านิ่มด้านข้างเค้กเลยคะ แล้วเก็บรายละเอียดให้สวยงาม ทำแบบนี้ไม่ต้องเสียดายหน้านิ่มที่หกไปด้านล่างด้วยคะ พลาสติกที่ใช้งานแล้วก็ล้างให้สะอาด ตากให้แห้ง เก็บไว้ใช้ครั้งต่อไปได้นะคะ ตัดแบ่งเป็นชิ้นตามต้องการ